
คืบหน้าการเตรียมการก่อสร้างศาลหลักเมืองชลบุรี
คณะกรรมการสร้างศาลหลักเมืองจังหวัดชลบุรี เดินหน้าเตรียมการก่อสร้างศาลหลักเมืองประจำจังหวัดแห่งสุดท้ายของประเทศไทย พระเทพภาวนาวิกรม(เจ้าคุณธงชัย)รองเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร กรุงเทพฯ ตั้งสมญานามว่า "ศาลหลักเมืองชลบุรี เทพเจ้าแห่งอาณาจักรทะเลตะวันออก"
เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 28 เมษายน 2553 ที่ห้องประชุมชลบุรี ศาลากลางจังหวัดชลบุรี นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการสร้างศาลหลักเมือง จ.ชลบุรี เป็นการประชุมครั้งที่ 2 เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการเตรียมการและพิจารณาดำเนินการตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ด้านการก่อสร้างศาลหลักเมือง โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ จังหวัดชลบุรี กำหนดที่จะจัดสร้างศาลหลักเมืองประจำจังหวัดขึ้น เพื่อเป็นสิริมงคล เป็นหลักชัยยึดเหนี่ยวจิตใจและสร้างความรักความสามัคคี ของประชาชนชาวจังหวัดชลบุรี รวมทั้งเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 นั้น
สำหรับความก้าวหน้าการเตรียมการก่อสร้างนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า เนื่องจากพื้นที่ที่จะทำการก่อสร้างยังเป็นที่ตั้งของทัณฑสถานหญิงจังหวัดชลบุรี ที่มีกำหนดย้ายไปอยู่ที่เรือนจำกลางจังหวัดชลบุรีเดิม ภายหลังจากมีการก่อสร้างเรือนจำกลางจังหวัดชลบุรีแห่งใหม่ ที่ ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง แล้วเสร็จ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้างด้วยงบประมาณดำเนินการกว่า 700 ล้านบาทเสร็จแล้ว และจะเริ่มทำการก่อสร้างเรือนจำกลางแห่งใหม่ในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ พระเทพภาวนาวิกรม(เจ้าคุณธงชัย) รองเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร กรุงเทพฯ ประธานมูลนิธิร่มฉัตร ได้ให้ข้อแนะนำการสร้างศาลหลักเมืองจังหวัดชลบุรี ไว้ว่า หลังจากมีการย้ายทัณฑสถานหญิงแล้ว จะต้องทำการรื้อปรับพื้นที่ให้เป็นพื้นที่ว่างเพื่อประกอบพิธีกรรมต่างๆ ตามขั้นตอน ดังนี้ พิธีล้างแผ่นดินด้วยการนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 500 รูป สวดแจง และสวดพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว และพิธีสวดถอนลูกนิมิต เพื่อสร้างศรัทธา ความเชื่อของประชาชน จากนั้นจะเป็นการประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ สำหรับรูปแบบอาคารและพื้นที่โดยรอบศาลหลักเมืองจังหวัดชลบุรีนั้น ท่านเจ้าคุณฯ ขอให้มีการพื้นที่ให้สามารถรองรับประชาชนได้จำนวน 1,000-5,000 คน และให้มีที่จอดรถยนต์เพิ่มมากขึ้น การตั้งสมญานามของศาลหลักเมืองฯ ให้ยิ่งใหญ่ สถาปนาให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ในนาม ""ศาลหลักเมืองชลบุรี เทพเจ้าแห่งอาณาจักรทะเลตะวันออก" โดยเสนอให้มีการสร้างบริวารเทวดา จตุโลกบาล ประจำทั้ง 4 ทิศ ลักษณะเสาหลักเมือง ปลายยอดเสาเป็นแบบ "ตรีมูลรติ" มีมหาราช 4 องค์ นอกจากนี้การจัดสร้างวัตถุมงคล รุ่นศาลหลักเมือง เพื่อจัดหารายได้นั้น จะดำเนินการจัดสร้าง 2 แบบ คือ แบบพระบูชา และแบบพระเครื่อง โดยคณะกรรมการฯ ได้ออกแบบเป็นองค์จำลองพระพุทธสิหิงค์ฯ และพระปิดตา 5 เสือต้นตำรับเมืองชล โดยจะนำไม้มงคลที่นำมาทำศาลหลักเมืองมาเป็นส่วนหนึ่งของการจัดทำวัตถุมงคลด้วย ซึ่งการจัดสร้างวัตถุมงคลในครั้งนี้จะทำการจัดสร้างในจำนวนจำกัด
ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวต่อไปว่า งานก่อสร้างศาลหลักเมืองเป็นงานสถาปัตยกรรมศิลป์ที่สำคัญ จะต้องอาศัยการปรึกษาจากผู้ที่มีความรู้ และประสบการณ์ในงานด้านนี้โดยตรง ซึ่งขณะนี้ พลอากาศตรี อาวุธ เงินชูกลิ่น ศิลปินแห่งชาติ สาขาสถาปัตยกรรม ได้ตอบรับเป็นกรรมการที่ปรึกษาการก่อสร้างศาลหลักเมืองชลบุรีในครั้งนี้ด้วยแล้ว สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ในเบื้องต้น องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ได้อุดหนุนงบประมาณ จำนวน 31 ล้านบาท ในการดำเนินการจัดระบบสาธารณูปโภค-สาธารณูปการ สำหรับงบประมาณในการก่อสร้างทั้งหมดประมาณ 200 ล้านบาท โดยจังหวัดชลบุรี ได้ออกระเบียบกองทุนศาลหลักเมืองจังหวัดชลบุรี พ.ศ.2553 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553 พร้อมกับเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาชลบุรี เลขที่ 207-0-29118-9 ชื่อบัญชี "ศาลหลักเมืองจังหวัดชลบุรี"ขณะนี้กองทุนศาลหลักเมืองได้เปิดรับบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนก่อสร้างแล้ว โดยมี กองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าโกลว์พีพี ร่วมบริจาค จำนวน 1,000,000 บาท กองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าเครือไทยออยล์ แหลมฉบังพาวเวอร์และสหโคเจนส์ บริจาค จำนวน 1,000,000 บาท นายโกวิท ศรีสวัสดิ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชลบุรี บริจาค 100,000 บาท นายศันติ์ศักดิ์ งามพิเชษฏ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชลบุรี และอดีตรัฐมนตรี บริจาค 100,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,200,000 บาท สำหรับการสรรหาไม้มงคลสำหรับจัดทำเสาหลักเมืองนั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชลบุรี จะนำคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเดินทางไปดูไม้ราชพฤกษ์ที่มีลักษณะถูกต้องเหมาะสมในการทำเสาหลักเมืองในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดพังงาในเดือนพฤษภาคม ศกนี้
จังหวัดชลบุรี จึงขอเชิญพี่น้องประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการก่อสร้างศาลหลักเมืองประจำจังหวัดแห่งสุดท้ายของประเทศไทย โดยสามารถร่วมบริจาคเงินสมทบทุนก่อสร้างได้ที่ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาชลบุรี เลขที่ 207-0-29118-9 ชื่อบัญชี "ศาลหลักเมืองจังหวัดชลบุรี" ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
กิตติศักดิ์ /ข่าว ปริญญา/ภาพ