
กรอ. มีมติพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกหวังกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว
วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2555 การประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ(กรอ.) มีมติพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อหวังกระตุ้นการลงทุนภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว รวมทั้งเร่งรัดการบริการจัดการน้ำให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภูมิภาค (กรอ.ภูมิภาค) ที่จังหวัดชลบุรี มีมติเห็นชอบใน 4 เรื่อง 13 ประเด็น ตามทีคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) เสนอดังนี้ 1.มาตรการและกลไกเพื่อบูรณาการและเสริมสร้างความเข้มแข็งในพื้นที่มาบตาพุด ด้วยการแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติตามมาตรา 57 วรรค 2 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2550 ให้กำหนดระยะเวลาการพิจารณาโครงการ ให้มีกรอบไม่เกิน 30 วัน การแก้ไขปัญหาความแออัดของท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ให้กระทรวงอุตสาหกรรมแก้ไขปัญหาภายใน 30 วัน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป โครงการฟื้นฟูระบบขนส่งสินค้าทางรางระหว่างพื้นที่มาบตาพุดและแหลมฉบังให้มีความสะดวกมากขึ้น รวมทั้งเสนอกลไกในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการความปลอดภัยและภาวะฉุกเฉินให้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด หลังเกิดเหตุระเบิดที่โรงงาน บีเอสที อิลาสโตแมอร์ จำกัด เพื่อให้จัดตั้งกลไกเฉพาะกิจในการบูรณาการแผนการจัดการภาวะฉุกเฉิน 2.การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ด้วยการเร่งรัดการใช้สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาในรูปแบบเชิงพาณิชย์ การเร่งรัดรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-ระยอง ให้แกล้วเสร็จภายในปี 2560 โดยเร่งรัดให้ประกวดราคาดครากรได้ภายในปี 2556 รวมทั้งการขยายช่องทางการจาราจรทางหลวงแผนดินหมายเลข 36 และ 317 ให้สรุปภาพรวมในการดำเนินโครงการให้แกล้วเสร็จภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป 3 การส่งเสริมการคาการลงทุน ด้วยการเน้นการขยายเวลาการเปิด-ปิดด่านพรมแดนไทย-กัมพูชา ให้มีระยะเวลาถึง 22.00 น. หลังก่อนหน้านี้ปิดด่านในเวลา 18.00 น. เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าให้สูงขึ้น ให้จัดทำผังเมืองมาบตาพุดและภาคตะวันออกผุดใหม่ให้มีความสอดคลองกับการพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมกันกับภาคเอกชน ภาครัฐ และชุมชนในพื้นที่ และสุดท้าย 4 การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออก 7 โครงการในการพัฒนาอ่างเก็บน้ำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ รัฐบาลจะเร่งรัดดำเนินโครงการเกี่ยวกับน้ำในพื้นที่เมืองพัทยาที่มีความล่าช้า เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอ โดยเฉพาะการขุดลอกอ่างเก็บน้ำที่มีความตื่นเขิน คือ โครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำมาบประชัน ตำบลโป่ง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เริ่มดำนินงโครงการหลังฤดูฝนปีนี้ และโครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยไข่เน่า และอ่างเก็บน้ำมาบหวายโสม เพื่อเสริมการกักเก็บน้ำของอ่างและเชื่อมโยงทั้ง 3 อ่างเก็บน้ำเข้าหากัน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1-2 ปี หรือแล้วเสร็จในปี 2558
ปริญญา/ข่าว/ภาพ