

ฝ่ายปกครองลุยกวาดจับร้านอาหารชาวอาหรับลอบขายบารากู่
นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ได้สั่งการให้ เรืออากาศโทภรศิษฐ์ จิตรามวงศ์ ปลัดอำเภอบางละมุงฝ่ายป้องกันปราบปราม นำกำลังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ออกตรวจสอบร้านอาหารชาวอาหรับ ลักลอบขายบารากู่ ช่วงเทศกาลสงกรานต์และวันไหลเมืองพัทยา ให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ หลังจากได้รับการร้องเรียนผ่านเว็บไซต์สายตรงผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี
จากการตรวจสอบร้านกัมรา บาร์ แอนด์ เรสเทอรองท์ ตั้งอยู่ซอย 16 พัทยา ซึ่งเป็นทางเชื่อมเข้าถนนวอล์กกิ้งสตรีท พบว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นตึกสูง 5 ชั้น โดยชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายกะบับไก่และเครื่องดื่ม โดยมีชาวซีเรีย เป็นลูกจ้างทำอาหาร ส่วนชั้น 2 พบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 20 คน กำลังนั่งสูบบารากู่และพ่นควันอยู่ตามโต๊ะกันอย่างเมามันส์ ขณะเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ก็ยังนั่งสูบบารากู่อย่างไม่เกรงกลัวและไม่รู้สึกสะทกสะท้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้สั่งให้หยุดบริการ ก่อนตรวจสอบพาสปอร์ตของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการทุกคน ตรวจค้นสามารถยึดเตาสูบบารากู่กว่า 50 เตา พร้อมอุปกรณ์ และยาเส้นปรุงกลิ่นผลไม้ ชนิดบารากู่ ประมาณ 4 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว น.ส.จารุณี ซุงหล้า อายุ 33 ปี รับเป็นผู้ดูแลร้าน พร้อมกับลูกจ้างชาวซีเรีย ไว้ดำเนินคดี
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบร้านอาหาร อาบูอับดูลเลาะห์ ซึ่งตั้งติดกับร้านแรก ปรากฏว่ามีลูกจ้างชาวปาเลสไตน์ ซึ่งทำหน้าที่รับออเดอร์อาหารลูกค้า ตกใจวิ่งหลบหนีไปไกลกว่า 1 กิโลเมตร สุดท้ายเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวเอาไว้ได้ โดยรับสารภาพว่า กลัวความผิด เนื่องจากทำงานไม่มีใบอนุญาต ซึ่งได้รับค่าจ้างเดือน 12,000 บาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปตรวจสอบชั้น 2 ของร้านดังกล่าว
พบว่าเปิดเป็นโซนสูบบารากู่ ลักษณะคล้ายกับร้านแรก แต่พบว่าร้านดังกล่าวปิดให้บริการแล้ว โดยบรรยากาศยังหลงเหลือร่องรอยของกลิ่นบารากู่ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะไหวตัวเก็บของหนีทัน ก่อนเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ จึงได้ตรวจค้นบริเวณร้านพบเตาบารากู่ซุกซ่อนอยู่บริเวณหลังร้าน ส่วนยาปรุงเส้นกลิ่นผลไม้ หรือบารากู่ ซุกซ่อนเอาไว้บริเวณชั้น 2 ห้องเก็บของร้าน จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนพนักงานร้านชาวเมียนมาร์ ก็ยืนยันว่าบารากู่ไม่ทราบว่าเป็นของผู้ใด เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดร้านพบว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบร้านแรก ทำให้ร้านดังกล่าวแตกตื่นรีบพากันเคลียร์ลูกค้าและเคลื่อนย้ายสิ่งของทั้งหมดไปซุกซ่อนตามจุดๆต่าง เพื่อหนีความผิดของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นจึงควบคุมตัวนายเอนก ตาลทอง อายุ 47 ปี ซึ่งแสดงตัวเป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งดังกล่าว
สำหรับร้านกัมรา บาร์ แอนด์ เรสเทอรองท์ จากการสอบถามจากพนักงานร้านทราบว่ามีชาวอียิปต์เป็นเจ้าของร้าน โดยเปิดร้านขายบารากู่โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามจะเร่งเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับต่อไป พร้อมกับสั่งเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี สั่งปิดร้านอาหารทั้ง 2 แห่ง ที่ลักลอบจำหน่ายบารากู่ สินค้าต้องห้ามตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เป็นเวลา 30 วันอีกด้วย.
parinya/news